เชื้อครอโนแบคเตอร์ (Cronobacter) เป็นแบคทีเรียแกรมลบที่มีรูปร่างเป็นท่อน เคลื่อนที่ได้ ไม่สร้างสปอร์ แต่เดิมรู้จักกันในชื่อของเอ็นเทอร์โรแบคเตอร์ ซากาซากิ (Enterobacter sakazakii) และเชื่อว่าได้ถูกบันทึกไว้เป็นครั้งแรกในรายงานปี 1961 ซึ่งได้บรรยายการแยกเชื้อจุลินทรีย์ที่มีสีเหลืองเป็นเอกลักษณ์จากทารกแรกเกิดที่เป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจนทำให้เสียชีวิต
เชื้อครอโนแบคเตอร์ (Cronobacter) สามารถพบได้ในสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ แต่แบคทีเรียเหล่านี้จะสามารถมีชีวิตรอดอยู่ในอาหารที่มีความชื้นต่ำได้เป็นเวลานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชื้อครอโนแบคเตอร์ (Cronobacter) ที่ถูกแยกออกจากนมผงสำหรับทารก เพราะความเสี่ยงและอันตรายจากเชื้อแบคทีเรียดังกล่าวสำหรับทารกแรกเกิดจะพบได้ในขั้นตอนการชงนมซี่งต้องใช้นมผงและอุปกรณ์ในการเตรียมนมผงให้เป็นนมเหลว
ชุดทดสอบเชื้อก่อโรคสำหรับเชื้อครอโนแบคเตอร์ 3M™ Molecular Detection Assay 2 – Cronobacter ให้ความแม่นยำสูงกว่าวิธีการดั้งเดิมที่ใช้อาหารเลี้ยงเชื้อแบบเพลทและวิธีที่ใช้หลักการ (PCR) ในการตรวจหาเชื้อสายพันธุ์ครอโนแบคเตอร์ (Cronobacter spp) ในนมผงสำหรับทารก
สามารถพบเชื้อครอโนแบคเตอร์ (Cronobacter) ในนมผง ชาสมุนไพร และแป้ง ตลอดจนโปรตีนผงและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารด้วย อีกทั้งยังตรวจพบในสถานที่แปรรูปอาหาร และบางครั้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขยังตรวจพบในสถานที่อย่างท่อระบายน้ำ
เชื้อครอโนแบคเตอร์ (Cronobacter) อาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่แผลหรือการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะในคนทุกช่วงอายุ ในผู้ใหญ่ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำและผู้สูงอายุ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดได้
แม้ว่าศูนย์การป้องกันและควบคุมโรคของสหรัฐอเมริกา (CDC) จะรายงานว่าพบผู้ป่วยที่ติดเชื้อครอโนแบคเตอร์ (Cronobacter) เพียงสองสามรายต่อปี แต่สำหรับในทารก เชื้อครอโนแบคเตอร์ (Cronobacter) อาจทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดที่เป็นอันตรายหรือการติดเชื้อบริเวณสมองและไขสันหลัง (เยื่อหุ้มสมองอักเสบ) และอาจทำให้เสียชีวิตได้ การติดเชื้อในทารกอายุต่ำกว่าสองเดือน อาจทำให้เกิดอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ โดยทั่วไป อาการเริ่มแรกของการติดเชื้อครอโนแบคเตอร์ (Cronobacter) ในทารก คือ มีไข้ร่วมกับเบื่ออาหาร ร้องไห้ หรือ อ่อนแรง
การติดเชื้อครอโนแบคเตอร์ (Cronobacter) ครั้งล่าสุดและการระบาดเกี่ยวข้องกับนมผงสำหรับทารกเกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส และเม็กซิโก นมผงสำหรับทารกที่ไม่ผ่านการทำให้ปราศจากเชื้อและสารอาหารในนมนั้นจะเป็นตัวที่ช่วยในการรักษาสภาพของเชื้อและช่วยในการเจริญเติบโตของเชื้อครอโนแบคเตอร์ (Cronobacter) ภายหลังการผสมน้ำ พบรายงานหลายฉบับแสดงข้อเท็จจริงที่ว่าเชื้อครอโนแบคเตอร์ (Cronobacter) สามารถมีชีวิตอยู่ในนมผงสำหรับทารกได้นานถึงสองปี
เนื่องจากเชื้อก่อโรคปกติจะไม่รอดชีวิตจากกระบวนการพาสเจอไรซ์ที่ใช้ในการผลิตนมผง จึงคาดว่าการปนเปื้อนเชื้อครอโนแบคเตอร์ (Cronobacter) เกิดขึ้นหลังขั้นตอนการทำให้เป็นผงแห้ง ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าเกิดจากการปนเปื้อนจากสิ่งแวดล้อมหลังกระบวนการทำให้แห้ง หรือการเพิ่มส่วนประกอบซึ่งไวต่อความร้อนภายหลังการพาสเจอไรซ์
สำหรับผู้ผลิตอาหาร ยังมีวิธีการทดสอบอีกหลากหลายวิธี ในการตรวจหา เชื้อครอโนแบคเตอร์ (Cronobacter) ทั้งวิธีแบบดั้งเดิมและวิธีการทดสอบแบบรวดเร็ว นอกจากนั้นยังมีวิธีการทดสอบที่ได้รับการพัฒนาจากหน่วยงานมาตรฐาน เช่น องค์การอาหารและยาสหรัฐ (U.S. FDA) และองค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน (International Organization for Standardization, ISO) สำหรับการตรวจหา เชื้อครอโนแบคเตอร์ (Cronobacter)
จากมุมมองของผู้บริโภค สิ่งสำคัญคือการดูแลรักษาฝาปิดและช้อนตวงนมผงสำหรับทารกให้สะอาดอยู่เสมอและปิดฝาภาชนะบรรจุนมผงสำหรับทารกหรือขวดน้ำโดยเร็วที่สุด ขวดนมทารกและอุปกรณ์ป้อนอาหารอื่นๆ ทั้งหมดควรผ่านการทำความสะอาดด้วยความระมัดระวัง ฆ่าเชื้อ และเก็บรักษาอย่างปลอดภัย หลังละลายนมผงแล้วควรให้ทารกดื่มภายในสองชั่วโมงหากไม่ได้แช่เย็น และหากแช่เย็นหลังเตรียมควรใช้นมนั้นภายในเวลา 24 ชั่วโมง ควรทิ้งนมส่วนที่เหลือจากการป้อนทารก