ขอบคุณสำหรับข้อมูล ระบบจัดส่งข้อมูลของท่านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ขออภัย และ กรุณาส่งอีกครั้งหากระบบขัดข้องขณะส่งข้อมูล
เราสังเกตได้ว่าท่านถูกขอให้ปฏิบัติหน้าที่ต่างๆมากมาย และการปกป้องบุคลากรทางการแพทย์ด้วยอุปกรณ์ PPE ก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุด นอกจากนั้นเรายังคอยช่วยสนับสนุนท่านในการลดความเสี่ยงของ secondary complications ลดภาวะการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพเพื่อที่ท่านจะได้ใช้เวลาใส่ใจสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นคือ การให้การดูแลผู้ป่วยนั่นเอง
ช่วยค้นหามาตรฐาน ข้อกำหนด และแหล่งข้อมูล เพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิด secondary complications และลดอุบัติการณ์ในการดูแลผู้ป่วยดังนี้
ในแต่ละวันพยาบาลต้องพร้อมตอบสนองต่อเสียงสัญญาน 700 ครั้งต่อวันนอนผู้ป่วย และหลายๆเสียงสัญญานเตือนเหล่านี้คือเสียงจาก ECG monitoring สัดส่วนสำคัญของเสียงสัญญาน ECG เป็นสัญญานเท็จ (false alarm) หรือสัญญานของอาการทางคลีนิคที่ไม่สำคัญ
ข้อแนะนำในการลดจำนวนครั้งที่ต้องตอบสนองต่อสัญญาน ECG ที่มีปัญหา
ทุกๆตำแหน่งของการให้สารน้ำทางหลอดเลือดมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการติดเชื้อ การขยับเลื่อนหลุด ผิวหนังเสียหาย และภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ การปฏิบัติตามหลักฐานเชิงประจักษ์ และมาตรฐานการดูแลที่ถูกต้อง จะช่วยพัฒนาผลลัพธ์ที่ดีสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย
การปฏิบัติตามหลักฐานเชิงประจักษ์ และมาตรฐานการดูแลที่ถูกต้อง จะช่วยพัฒนาผลลัพธ์ที่ดีสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย
ทบทวนข้อแนะนำปฏิบัติในการพยาบาลและการดูแลการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำส่วนปลาย และหลอดเลือดดำส่วนกลาง
มาตรฐานการดูแลแบบดั้งเดิมในการฆ่าเชื้อบริเวณทางเปิดเพื่อให้ยาและสารน้ำคือการเช็ดขัด (scrub the hub) บริเวณทางเปิดนั้นด้วยแผ่นชุบแอลกอฮอล์ ทั้งนี้ฝาครอบฆ่าเชื้อ(Disinfecting Port protector)มีคุณประโยชน์มากมายเหนือกว่านโยบายที่ทำการฆ่าเชื้อแบบ scrub the hub
ฝาครอบชนิดมีแอลกอฮอลให้ความรวดเร็วในการปฏิบัติ อีกทั้งประหยัดเวลาพยาบาลเมื่อเปรียบเทียบกับการ scrub the hub และไม่ต้องใช้เวลารอแห้งเพื่อการฆ่าเชื้ออีกด้วย
ปกป้องสิ่งปนเปื้อนจากภายนอกได้ยาวนานถึง 7 วัน
การฆ่าเชื้อเกิดขึ้นเมื่อมีการใช้ฝาครอบชนิดมีแอลกอฮอลหมุนเกลียวเข้าที่
ฝาครอบชนิดมีแอลกอฮอล์มีสีสันสดใส ช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานสัเกตเห็นได้โดยง่าย และมั่นใจในความสะอาด
ในการศึกษาหนึ่งพบว่า 48.5% ของผู้ป่วยพบปัญหาการเลื่อนหลุดของ Nasogastric tube ดังนั้นท่านสามารถทบทวนจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ในการเลือกใช้วิธีการยึดตรึงท่ออุปกรณ์สำหรัลผู้ป่วย
41%ของผู้ป่วยใน ICU มีโอกาสเกิดแผลกดทับ (PI) และส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นภายในสัปดาห์แรกของการนอนโรงพยาบาล การที่ผู้ป่วยอยู่ในท่านอนหงาย ส่งผล ให้เกิดความเสี่ยงงต่อการเกิดแผลกดทับ รวมถึงบริเวณที่มีท่ออุปกรณ์ต่างๆ บริเวณหน้า หัวเข่า ไหปลาร้า และกระดูกเชิงกราน
Explore tips from the National Pressure Injury Advisory Panel to help reduce the risk of PIs for prone positioning:
ในโรงพยาบาล 500 เตียง การมีแผลติดเชื้อจะทำให้ต้องอยู่โรงพยาบาลนานขึ้น 10 วัน ทั้งนี้แผลติดเชื้อทุกแผลต้องการแผนการรักษาที่รัดกุมเพื่อจัดการกับการติดเชื้อ และสร้างสิ่งแวดล้อมที่ส่งเสริมการหายของแผล โดยขั้นตอนต่อไปนี้จะช่วยให้บรรลุวัตถุประสงค์
การศึกษาแสดงให้เห็นว่าการรักษาที่ก้าวหน้า เช่น negative pressure wound therapy (NPWT) ที่ใช้ในการจัดการกับบาดแผล มีศักยภาพในการลดค่าใช้จ่ายในระบบสุขภาพ ได้แก่
การใช้ topical wound solutions ร่วมกับ NPWT สามารถช่วยสนับสนุนการกำจัดสิ่งคัดหลั่งของแผลและวัสดุติดเชื้อออกจากแผล ซึ่งแสดงให้เห็นในการศึกษาทางคลีนิคถึงการส่งเสริมการหายของแผลเปรียบเทียบกับการใช้ NPWTแบบดั้งเดิมเพียงลำพัง
หมายเหตุ : ข้อบ่งใช้เฉพาะเจาะจง ข้อห้าม คำเตือน ข้อควรระวัง และข้อมูลความปลอดภัย สำหรับผลิตภัณฑ์ KCI และ การรักษา
กรุณาปรึกษาแพทย์และศึกษาคำแนะนำผลิตภัณฑ์ก่อนใช้งาน โดยข้อมูลนี้มีจุดประสงค์สำรับบุคลากรทางการแพทย์เพื่อการรักษาเท่านั้น
1. Cvach MM, Biggs M, Rothwell KJ, Charles-Hudson C. Daily electrode change and effect on cardiac monitor alarms: an evidence-based practice approach. J Nurs Care Qual. 2013;28:265-271.
2. Drew BJ, Harris P, Zegre-Hemsey JK, et al. Insights into the problem of alarm fatigue with physiologic monitor devices: a comprehensive observational study of consecutive intensive care unit patients. PloS One. 2014; 9(10): e110274.
3. Bonafide CP, Localio AR, Holmes JH, et al. Video analysis of factors associated with response time to physiologic monitor alarms in a children’s hospital. JAMA Pediatr. 2017; 171(6): 524-531.
4. Pancordo-Hidalgo, P., Garcia-Fernandez, F., Ramirez-Perez, C. (2001). Complications associated with enteral nutrition by nasogastric tube in an internal medicine unit. Journal of Clinical Nursing. Site accessed February 3, 2020. https://doi.org/10.1046/j.1365-2702.2001.00498.x
5. Cox J, Roche, S and Murphy V. (2018). Pressure Injury Risk Factors in Critical Care Patients: A Descriptive Analysis. Adv Skin & Wound Car,. 31(7): 328-334.
6. Zhan C, Miller MR. Excess Length of Stay, Charges, and Mortality Attributable to Medical Injuries During Hospitalization. JAMA. 2003 October 8; 290(14): 1868-74.
7. Apelqvist J, Armstrong DG, Lavery LA, et al. Resourc utilization and economic costs of care based on a randomized trial of vacuum-assisted closure therapy in the treatment of diabetic foot wounds. Am J Surg. 2008; 195 (5): 782-8.
8. Lavery LA, Boulton AJ, Niezgoda JA, et al. A comparison of diabetic foot ulcer outcomes using negative pressure would therapy versus historical standard of care.International Wound Journal. 2007; 4(2): 103-13.
9. Schwien T, Gilbert J, Lang C. Pressure ulcer prevalence and the role of negative pressure wound therapy in home health quality outcomes. Ostomy Wound Manage. 2005; 51(9): 47-60.
10. Vuerstaek JD, Vainas T, Wuite J, et al. State-of-the-art treatment of chronic leg ulcers: A randomized controlled trial comparing vacuum-assisted closure (V.A.C.) with modern wound dressings. J Vasc Surg. 2006; 44: 1029-38.
11. Scherer LA, Shiver S, Chang M, et al. The vacuum assisted closure device. A method of securing skin grafts and improving graft survival. Archives of Surgery. 2002 Aug;137 (8): 930-934.
12. Gabriel A, Rauen B, Simplified Negative Pressure Wound Therapy with Instillation: Advances and Recommendations. Plast Surg Nurs 2014;34(2):88-92.